กรีลิชโกงจุดโทษ แจ็ค กรีลิช ยิงจุดโทษใส่แอสตัน วิลล่า ช่วยให้แมนฯ ซิตี้ ชนะ 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
กรีลิชโกงจุดโทษ ไม่มีใครดีไปกว่าแจ็ค กรีลิชที่ทิ้งขากลับไปเพื่อเริ่มการปะทะกัน เขาเป็นนักบงการหลักในทางนั้น เมื่อวานนี้เป็นเพียงตัวอย่างล่าสุดที่เขามั่นใจว่าจะโดน เจคอบ แรมซีย์ ของ แอสตันวิลลา จับได้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้จะมีความสุขกับมันอย่างแน่นอน ตราบใดที่เขาชนะฟรีคิกและจุดโทษ
ไม่มี นักเตะ พรีเมียร์ลีกคนใดที่โดนฟาล์วในนัดชิงชนะเลิศมากกว่าเขาในฤดูกาลนี้ แต่ฉันไม่มองว่ามันเป็นสัญญาณของความคิดสร้างสรรค์ของเขา ฉันมองมันเป็นรูปแบบของการโกงมากกว่า ในแต่ละสัปดาห์ ฉันจะจัดเกมจำลองสถานการณ์ทาง BBC 606 โดยเน้นว่าใครเป็นผู้ลงมือดำน้ำที่อุกอาจที่สุด กรีลิชถูกพูดถึงในรายการวันอาทิตย์ ไม่ต้องห่วง!
ถ้าคุณจะลงไป ต้องเป็นเพราะฝ่ายตรงข้ามสร้างสถานการณ์ ไม่ใช่คุณ ส่วนที่น่าประหลาดใจที่สุดคือแจ็ค กรีลิช ใช้ เวลานานมากในการสร้างผลกระทบแบบนี้กับสโมสรเก่าของเขา กองเชียร์ แอสตัน วิลล่าจำได้ว่าเมื่อใดที่เขาขู่คู่แข่งเป็นประจำทุกสัปดาห์ แต่จนถึงสุดสัปดาห์นี้ สามเกมในสีเสื้อของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับทีมเก่าของเขากลับไม่เป็นไปตามแผน
แจ็ค กรีลิช อาจเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้การโจมตีของแมนเชสเตอร์ซิตี้คลิกเข้าเกียร์ นักเตะวัย 27 ปีลงเป็นตัวจริงสี่นัดติดต่อกันสำหรับซิตี้ และดูเป็นตัวเต็งที่จะปลดล็อคการป้องกันอย่างแข็งขันของท็อตแน่ม ในความพ่ายแพ้ 1-0 ในเมืองหลวง
อย่างไรก็ตาม เขายังไม่ได้ค่าตัวสูงถึง 100 ล้านปอนด์ที่จ่ายให้เขา และจะต้องก้าวขึ้นไปอีกขั้นในฐานะเจ้าของตำแหน่งที่ตั้งเป้าจะคว้าจ่าฝูงของลีกอย่างอาร์เซนอลและปกป้องมงกุฎของพวกเขา ก่อนเกมที่ซิตี้จะพบกับแอสตัน วิลล่าในบ่ายวันนี้ เราจะมาดูกันว่ากรีลิชจะยกระดับเกมรุกของพวกเขาไปอีกขั้นได้อย่างไร https://www.mslci.com/
ความพ่ายแพ้ต่อท็อตแนมถือเป็นการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่สำหรับซิตี้ ซึ่งอาจเข้าใกล้อาร์เซนอลสามแต้มหลังจากที่เดอะกันเนอร์สแพ้เอฟเวอร์ตันอย่างน่าตกใจ แฮร์รี่ เคนทำลายสถิติร้ายแรงในช่วงต้นครึ่งแรก หลังจากนั้นพวกเขาสามารถนั่งลึกและป้องกันการโจมตีของพลเมืองได้
กรีลิชเป็นตัวจุดประกาย โดยเลี้ยงบอลสำเร็จ 3 ใน 4 ครั้ง รวมถึงชนะการดวล 13 ครั้ง และเสียฟาวล์ 7 ครั้ง ซึ่งหนึ่งในนั้น คือคริสเตียน โรเมโร โดนใบเหลืองใบที่สอง ในช่วงท้ายเกม ผู้จัดการทีม เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยืนยันว่าทีม ของเขาควรทำงาน เพื่อแย่งบอลกลับมา อย่างรวดเร็ว และอังกฤษนำจากแดนหน้าอย่างกล้าหาญ เข้าสกัดสามครั้ง และคืนบอลได้เจ็ดครั้ง